Monday, June 2, 2003

เดินทาง K1-2003 แม่เพ็ญ Jun02,03 แม่เพ็ญ



Post เดินทาง K1-2003 แม่เพ็ญ Jun02,03 แม่เพ็ญ
สัมภาษณ์เมื่อ 7 ปีที่แล้ว

ดีใจด้วยน่ะค่ะ คุณแอนเล่าเรื่องราวได้เห็นภาพเลยค่ะ ทำให้นึกถึงวันที่ตัวเองไปขอวีซ่า วันนั้นเมื่อ 7 ปีที่แล้ว โอ๊ยยยย ตอนที่เขาสัมภาษณืมื่อสั่น ปากสั่นไปหมดเลยค่ะ จำได้ว่าไปกับเพื่อน ต้องชวนเพื่อนไปด้วย เพราะไปคนเดียวไม่มีความมั่นใจเอาซะเลย ตอนสัมภาษณ์เขาถามคำถามแค่ 5-6 ข้อ ว่า รู้จักแฟนได้ยังไง เจอกันกี่ครั้ง ติดต่อกับแฟนยังไง ตอนนี้คุณทำงานอะไร จะแต่งงานกันเมื่อไหร่ แล้วคำถามสุดท้าย คุณคนนั้นเป็นใคร(เขาหมายถึงเพื่อนที่ไปด้วย) เพ็ญก็บอกว่าเป็นเพื่อนกันค่ะ เขายังถามต่ออีกว่า รู้จักเขาได้ยังไง เราเลยบอกว่าเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาค่ะ งง งง มาก ตอนที่เขาถามถึงเพื่อนเรา งง ว่าเขาถามทำไม เพื่อนเรามันมาเกี่ยวอะไรด้วย ผลสุดท้ายเจ้าหน้าที่บอกว่าที่ถามเพราะบางคนมีบริษัททัวร์เป็นคนช่วยเดินเรื่องให้ แล้วไอ้เพื่อนเรามันก็ทำงานบริษัททัวร์ซะด้วย แต่เพื่อนก็เล่าให้ฟังทีหลังว่า เขาไม่เคยมาที่สถานทูตเมกาเลยน่ะ เพราะบริษัทเขาทำทัวร์ภายในเอเชียเท่านั้น แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จนถึงวันนี้เพ็ญมาอยู่ที่นี่ได้ เกือบๆ 7 ปี แล้ว

ยินดีต้อนรับคุณแอนเข้าสู่ชมรมสะไภ้ลุงแซมน่ะค่ะ และขอให้เดินทางปลอดภัยค่ะ :D

เดินทาง K1-2003 แม่เพ็ญ Jun02,03

อยากกลับมาเล่าเรื่องเปิ่นของตัวเองตอนวันเดินทางให้ฟังน่ะค่ะ
เดินทางมาเมกาครั้งแรกคนเดียว วันที่ 2 มิถุนายน 2003 ตี 5 นิดๆ วันนั้นจำได้เลยว่าแต่งตัวมาซะเต็มยศ คือใส่กางเกงผ้า ใส่สูท รองเท้าบู้ทสีน้ำตาล (ดูเหมือนจะออกไปพบลูกค้าเลยค่ะอิอิ) เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือน่ะค่ะ ส่วนความมั่นใจก็พกมาเต็ม 2 ก้าว เลยค่ะ คิดว่ายังไงทุกอย่างก็น่าจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่ที่ไหนได้ล่ะค่ะพี่น้อง

ด่านตรวจ passport ก็เจอปัญหาซะแล้วซิ ด่านตรวจตรงนั้นมี 2 แถว จนท เป็นผู้หญิงทั้งคู่ อีกคนออกจะทอมๆ หน่อย แม่เพ็ญไปเข้าแถวตรงที่เจ้ทอม เพราะเห็นว่าคนไม่เยอะ และอีกอย่างใช้เวลาประมาณไม่ถึง 1 นาทีในการตรวจ passport ไอ้เราก็นึกในใจว่าแบบเข้าข้างตัวเองว่า มันง่ายดีเนอะ แค่ดู passport กับดูหน้าเจ้าของ passport ว่าหน้าเหมือนกัน ก็ผ่านเข้าไปข้างในได้ทันทีเลย ซึ่งคนก่อนหน้าเราทุกอย่างก้ผ่านไปได้ด้วยดี ...ที่นี่ล่ะถึงตาเราแล้ว เราก็เดินยิ้มเข้าไปเลย และกล่าวคำว่า สวัสดีค่ะ พร้อมกับยื่น passport ให้ (เห็นไหมว่าเราอัทยาศัยดี อิอิ) เจ้ทอมก็มองหน้าเรา พร้อมกับมองดู passport ของเรา ที่ตอนนี้อยู่ในมือเจ้เรียบร้อยแล้ว เจ้ทอมแกก็ดูอยู่นั่นแหล่ะ โดยที่ไม่พูดอะไร ไอ้เราก็เห็นนานแล้ว เลยยิ้มให้เจแกอีกทีหนึ่ง ป้าดดดโธ่!!! ไม่ต้องยิ้ม เจ้ทอมแกว่าเราอ่ะ แป่วววววว เลยตู รอยยิ้มกว้างๆ ของเรา เลยต้องค่อยๆ หุบลง แล้วเจ้แกก็ยังทำเหมือนเดิมคือมองหน้าเรา แล้วก็มองดูหน้าเราใน passport จน จนท อีกคนข้างๆ ถามว่ามีอะไรเหรอ เจ้ทอมเลยเอา passport ของเราให้ จนท คนนั้นดู จนท คนนั้นก็พูดว่า ให้เขาผ่านเข้าไปเถอะ ไม่เห็นมีอะไรนี่ (คิดในใจนั่นซิ เห็นด้วยกับ จนท อีกคน เพราะ passport กับ วีซ่าเราก็ได้มาอย่างถูกต้องนี่หว่า) จนสุดท้ายเจ้ทอมก็ยอมให้เราผ่านเข้าไปได้ หลังจากที่เจ้แกจด จด จ้อง จ้อง กับ passport เรา นานผิดปกติ เฮ้ย สงสัยวันั้นคงจะเป็นวันแดงเดือดของเจ้เขาน่ะ เขาเลยรมณ์บ่จอย แต่ก็สงสัยว่าทำไมกับคนก่อนหน้าเรา เจ้แกตรวจแป้บๆ ก็ให้ผ่าน แต่กับเรารอซะนานเชียว พร้อมกับสงสัยอีกว่า หรือว่าความมั่นใจกับความน่าเชื่อที่เราพกมา มันมากเกินไปอ่ะป่าวหว่า (หรือไม่เจ้แกก็คงจะไม่ชอบขี้หน้าเรา แบบว่าไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็นทำน้องเนี่ย คิดไปได้น่ะเรา 555)

พอผ่านด่านนั้นมาได้ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งมาถึงสนามบินลุงแซม เย้ เย้ ถึงซะทีน่ะตู เฮ้ย ลุ้นมาตลอดระยะเวลาการนั่งเครื่อง และแล้วความเปิ่นก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง ตรงด่านศุลกากร ยังทำเหมือนเดิมคือ พอถึงคิวเรา ยิ้มค่ะ ยิ้มให้ จนท (คิดในใจมานจะให้ตูหุบยิ้มเหมือนเจ้ทอมป่าวหว่า)

จนท ก็ถามว่าขนอะไรมาบ้าง เราก็บอกว่า มีพวกเอกสารส่วนตัวที่สำคัญกับพวกของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นค่ะ แล้ว จนท ก็ถามอีกว่า พกเงินมาเท่าไหร่ ไอ้เราก็ฟังไม่ถนัด (จริงๆ แล้วภาษาปะกิตไม่ค่อยแข็งแรงด้วยแหล่ะ) เลยจะเปิดเป๋าตังค์ให้ จนท ดู จนท ก็ส่ง ยิ้มให้เรา (ในที่สุดก็มีคนส่งยิ้มตอบเราแล้ว) พร้อมกับบอกเราว่า no no you don't have to show me your money, just tell me how much okay. แป่ววว อีกรอบ นึกว่าจะขอดู แล้วถ้าเห็นว่าเราพกมาน้อย จนท จะเพิ่มให้เราซะอีก 5555 (ตอนนี้ทุกอย่างผ่านมาแล้ว เลยคิดให้มันตลกๆๆได้) จนถึงทุกวันนี้ก็เกือบ 7 ปีแล้วค่ะที่เข้ามาเป็นสะไภ้ลุงแซม

อันนี้เอามาเล่าเพื่อให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านคลายเครียดเฉยๆ น่ะค่ะ ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นค่ะ อีกอย่างคิดว่าการดำเนินเรื่องขอวีซ่าของทุกคนก็เครียดมามากมายแล้ว ได้อ่านอะไรขำๆคงจะช่วยให้เพื่อนพี่ๆน้องๆหัวเราะได้บ้างน่ะค่ะ