Wednesday, November 24, 2010

เดินทาง(คนเดียว) K1-2010 ณิพา @SanFrancisco,CA



Post เดินทาง(คนเดียว) K1-2010 ณิพา @SanFrancisco,CA
เดินทาง(คนเดียว) K1-2010 ณิพา @SanFrancisco,CA

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ สมาชิกทุกท่าน

ดิฉันมาถึงซานฟรานซิสโกเรียบร้อยแล้วอย่างราบรื่น เริ่มด้วยเช็คอินที่สุวรรณภูมิพร้อมกับถามให้แน่ใจว่ากระเป๋าที่โหลดไปใต้เครื่องเช็คทรูไปที่ซานฟรานเลย อ้อ สำหรับน้ำหนักกระเป๋าได้สองใบๆละยี่สิบสามกิโล ของดิฉันก็ทำการชั่งไปก่อนกันมีปัญหาและให้น้อยกว่ากำหนดสักกิโล ส่วนแครี่ออนก็มีเป้ใส่คอมและกระเป๋าลากใบเล็กขึ้นเครื่อง เสื้อผ้าที่ใส่ก็เตรียมพร้อมเอาสบายไว้ก่อน เสื้อกันหนาวพร้อม

ต่อจากนั้นก็เขียนใบขาออกที่เคาน์เตอร์สนามบินให้มาแล้วไปเข้าแถวที่ด่านตรวจอิมมิเกรชั่นช่องคนไทย แล้วผ่านเข้าไปสแกนกระเป๋าเสร็จก็ดูในใบบอร์ดดิ้งพาสที่สายการบินให้มาว่าต้องไปขึ้นเครื่องที่เกทไหนก็ไปรอที่ใกล้กับเกทนั้น

ขึ้นเครื่องสายการบินจีนจากเล็กไปหน่อย แต่บินแค่ประมาณสี่ชั่วโมงถ้าจำไม่ผิด มันเป็นไฟลท์ดึกมาก ไปถึงสนามบินปักกิ่ง ต้องรอต่อเครื่องประมาณเก้าชั่วโมง ที่สนามบินหนาวมาก หลังจากนั่งรอนอนรอเดินๆๆทั่วสนามบินก็ถึงเวลาขึ้นเครื่อง เครื่อง แอร์ไชน่าไปอเมริกาลำนี้ใหญ่ค่อนข้างไม่แออัด ได้นั่งริมทางเดินทั้งไท่จองที่นั่งริมหน้าต่างเพราะป้าแก่ๆคนจีนนั่งอยู่แล้ว ก็ปล่อยไปเพราะคนแก่อิๆๆ

ใช้เวลาบินจากปักกิ่งไปซานฟรานประมาณสิบกว่าชั่วโมง ในที่สุดก็ถึง SFO เวลาเกือบสิบเอ็ดโมงเช้า ลงจากเครื่องก็ถือซองสีน้ำตาลพร้อมพาสปอร์ตกับใบ I-94 และใบ declaration ที่เขียนเรียบร้อยแล้วเดินตามป้ายบอกไปยังอิมมิเกรชั่น เจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ก็ถามกวนๆแบบน่ารักคล้ายๆที่เราถูกสัมภาษณ์วีซ่าแล้วก็ให้ผ่านไปได้

ต่านตอ่อไปกคือด่านตรวจศุลกากร หลังจากไปรับกระเป๋าแล้วก็ตรงไปยังด่านตรวจอย่างรวดเร็ว เขาก็ถามว่าเอาอาหารมาด้วยเปล่าเราก็ยื่นใบดีแคลย์ให้ ก็ได้คำตอบมาว่าดีมากแล้วดูๆนิดหน่อยแล้วถามย้ำว่าไม่ได้เอาอะไรที่เป็นพืชผักผลไม้สดหรืออะไรที่เพาะพันธุ์ได้หรือเนื้อสัตว์มานะ เราก็ไม่มีค่า เขาก็ให้ผ่านโดยไม่เปิดกระเป๋าเลย วันนั้นเห็นคนที่มาจากเหมือนแถบอินเดียรึเปล่าไม่แน่ใจถูกเปิดกระเป๋าตรวจ เราเองรีบยกกระเป๋าขึ้นรถเข็นแล้วเดินลิ่วออกไปพบคนที่มารับอย่างเร็ว
จบการเดินทางด้วยในทริปนี้ด้วยดี

ป.ล ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเขาจะเย็บใบ I-94 ส่วนล่างติดกับพาสปอร์ตของเราบอกระยะเวลาหลังจากวันที่มาถึงสามเดือน
หวังว่าประสบการณ์ที่เขียนนี้อาจจะเป็นประโยนช์กับเพื่อนๆบ้าง ที่เพิ่งมาโพสเพราะมาถึงก็ยุ่งมากกก ไปโน้นมานี่ตลอด

nipin Wed Nov 24, 2010 3:36 am

Wednesday, March 17, 2010

เดินทาง K1-2011 เดินทาง K1-2010 ปู Mar17,10United Airline @DullesAirport,VAนก Jun28,11 สายการบิน Asiana @Washington



 เดินทาง K1-2010 ปู Mar17,10United Airline @DullesAirport,VA

เดินทาง K1-2010 ปู Mar17,10 @DullesAirport,VA สายการบิน ยูไนเตท แอร์ไลน์ พักเครื่องที่ญี่ปุ่น
มาถึงอเมริกาวันที่ 17 มี.ค.53 มาลงที่สนามบิน วอชิงตันดีซี ค่ะ

หวัดดีค่ะเพื่อน ๆ วันนี้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการผ่านเข้าด่าน ตม.ที่อเมริกามาเล่าให้ฟังค่ะ ยังไม่เคยอ่านเจอประสบการณ์จากเพื่อนคนไหนแบบนี้
เหมือนโดนสัมภาษณ์อีกรอบค่ะ แต่นานกว่าตอนสัมภาษณ์วีซ่าและยากกว่า
มาถึงอเมริกาได้สองวันแล้วค่ะ เครื่องมาลงที่วอชิงตัน แฟนเดินทางมารับค่ะ ช่วงจะผ่านเข้า ตม.เราก็ต้องแยกกันตรวจกับแฟน เดินเข้าคนละช่อง
แฟนก็ไปรับกระเป๋ารอ มีกระจกกั้นสามารถมองเห็นแฟนได้ช่วงต่อแถวรอคิว วันนี้คนต่างชาติเยอะมากค่ะ จะต้องเดินทางต่ออีกไฟท์ แต่คิดว่าคนทัน
เพราะอีกประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า ๆ ที่ต้องรอเช็คอิน ตอนแรกก็คิดว่ารอนานจัง
เวลาผ่านไปนานมากแถวยังยาวอยู่เลย พออีกประมาณยี่สิบกว่าคนจะถึงคิว เจ้าหน้าที่ก็เลยเรียกให้คิวที่ใกล้ถึงไปประทับตราที่ช่องของ
ยูเอสซิติเซ่นแทน เลยได้ไปต่อคิวเป็นคนที่สองค่ะ ได้ช่องที่หก คิวแรกเป็นคู่คนจีนสามีภรรยา ปรากฏว่าคุยกันไม่รู้เรื่อง ประมาณห้านาที
เขาให้กลับเข้ามายืนรอ แล้วเขาไปหาล่ามคนจีนมา ถึงคิวเราซะที ฝรั่งหล่อทัก hello เราก็ hello ตอบ จากนั้นยื่นซองเอกสารพร้อมพาสปอต
ให้เขา เขาเห็นซองสีน้าตาลเขาก็งง แล้วฝรั่งคนเดินก็หันไปถามทางช่องข้าง ๆ จากนั้นก็ฉีกเปิดซองเอกสาร ฮัมเพลงไปด้วยแบบสบายอารมณ์
แต่พอถามมาก ๆ เราซักมีอารมณ์เมื่อไหร่จะปล่อยไปซะทีหว่า เขาถามมาจากไหน แฟนเป็นซิติเซ่นเหรอ แฟนอยู่ที่นี่กี่ปี เขาเปิดเอกสารทีละหน้า
แล้วอ่านทีละหน้าแบบใจเย็นมาก แฟนทำงานอะไร บอกที่อยู่ของแฟนอยู่ที่ไหน โชคดีกรอกเอกสารช่วงส่ง p3 ผิดหลายครั้งเลยแก้บ่อยก็เลย
ทำให้จำที่อยู่แฟนขึ้นใจ ขอดูแหวนแต่งงานโชคดีที่ใส่มาด้วยค่ะ จากนั้นถามจะแต่งงานเมื่อไหร่ ตอบ ภายในเก้าสิบวัน เขาถาม เมื่อไหร่
ตอบ เมษา เขาถาม วันที่เท่าไหร่ก็เลยบอก 9 เมษา ญาติคุณมาหรือเปล่า ตอบมา ลืมไปค่ะ เขาเลยถามมาจากเมืองไทยเหรอ เลยตอบ
อ๋อ ไม่มา แล้วญาติแฟนหล่ะ บอกอยู่ที่นี่ มางานแต่ง เขาถามญาติแฟนอยู่ที่นี่มีใครบ้าง ตอบ แม่ น้องชาย น้องสาว น้า ครอบครัวอยู่ที่นี่
ถามต่อ จะเข้าโบสถ์ไหม โบสถ์ชื่อ อะไร ตอบ เข้า แต่ I don't know ถามต่ออีก โบสถ์ไทยหรือฝรั่ง เลยตอบไทย
แล้วคุณทานอาหารอะไร ตอบไทย คุณจะทานได้ที่ไหน ตอบ ทำอาหารไทยเองได้ ถามต่อคุณทำอะไรได้บ้าง มีอะไรบ้างที่คุณได้
บอกมาว่าทำยังไง ถึงตอนนี้งงเหมือนกันค่ะ มันจะมาให้สอนทำอาหารหรือไงวะ ก็ตอบไปมั่ว ๆ มันไม่รู้หรอก มันก็ถามเนื้อใช่ไหม
ก็ตอบ yes ไว้ก่อน ถามต่ออีกเยอะค่ะ แต่จำไม่ได้ แล้วก็เปิดดูรูปทีละรูป สองสามรอบดูอยู่นั่นแหละ จากนั้นก็อ่านจดหมายแต่งงาน
ที่แฟนเขียนถึง และเขียนถึง และอ่านทุกอย่างทีละแผ่นอย่างใจเย็น ฮัมเพลงไป แต่เราอยากจะไปแล้วเมื่อไหร่จะประทับตราวะ
พอเปิดเอกสารหน้าสุดท้ายเจอจดหมายรับรองงานจากที่ทำงาน เขาเลยถามทำงานที่นี่เหรอ ตอบ yes มันประทับตราให้เลย
แล้วก็พูดอะไรไม่รู้ จำได้แต่ต้องแต่งงานภายในเก้าสิบวันนะ เข้าใจที่ฉันพูดไหม yes อย่างเดียวค่ะ
ผ่านด่านนี้มาตรวจกระเป๋าเปิด ค้นทุกอย่างค่ะ ตรวจรองเท้าต้องถอด ใครใส่เข็มขัดต้องถอด ตรวจละเอียดมากค่ะ
แต่ไม่มีปัญหา เข้ามาภายในห้องตรวจอีกครั้ง ไม่ดูอะไรเลยผ่าน ให้เอากระเป๋ามาเอ๊กซเรย์อีกรอบ จากนั้นตรวจค้น
ตัวอีกครั้งค่ะ ตรวจเยอะมากละเอียดมาก ผลปรากฏว่าตกเครื่องค่ะ ต้องเลื่อนไฟท์ มีประสบการณ์ระทึกจะมาเล่าอีกค่ะ
ตอนตกเครื่อง แต่ตอนนี้เขียนเยอะแล้ว ขอให้เพื่อน ๆ ผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ


Last edited by poo51 on Thu Oct 28, 2010 4:38 am, edited 1 time in total. 

poo51 Fri Mar 19, 2010 6:55 am