Wednesday, January 12, 2011

เดินทาง K1-2011 ดา Jan12,11 By UA BKK-NRT/ORD/PHL


Post เดินทาง K1-2011 ดา Jan12,11 By UA BKK-NRT/ORD/PHL

เดินทาง K1-2011 ดา Jan12,11 By UA BKK-NRT/ORD/PHL

วันนี้ขอกลับมาเล่าประสบการณ์เดินทางโดยสายการบิน United Airline ตามตารางบิน
Jan 12,2011 UA 882 BKK-NRT (07.15 am-2.40 pm)
Jan 11,2011 UA882 NRT-ORD (05.55 pm-02.30pm )
Connecting Flight
Jan11,2011 UA 7398 ORD-PHL (03.39pm -06.55 pm)......I got flight cancelled and i took overnight at the Comfort Suit Hotel
New flight schadule
Jan 12,2011 UA 7464 ORD-PHL (10.43 am-12.43 p.m)

การเช็คอินสายการบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ต้องทำการเช็คอินก่อนเวลาเดิน 2ชั่วโมง เป็นอย่างน้อย
สายการบิน UA อนุญาติให้กระเป๋าเดินทางมาอเมริกา ได้จำนวน 2 ใบ ขนาดน้ำหนักที่สามารถโลดขึ้นเครื่องได้ 23 กก.ต่อกระเป๋าหนึ่งใบ และสามารถเกินพิกัดได้ 1-2 กก.ต่อกระเป๋าหนึ่งใบ แต่ถ้ามีความจำเป็นที่ต้องการเอาของมาทั้งหมด เราจำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่ม เริ่มที่ 200 เหรียญสหรัฐจ่ายต่อกระเป๋าเดินทางที่น้ำหนักเกิน (ต้องจ่ายในราคาแลกเปลี่ยน ณ.วันที่เดินทาง)
กระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องได้ 1 ใบ น้ำหนักที่สายการบินนี้ไม่จำกัด

คำเตือนการเตรียมกระเป๋า 
1.ทดลองชั่งน้ำหนักกระเป๋าเดินทางจากที่บ้านก่อน
2.หรือกระเป๋าใบเล็กจากที่บ้านมาเผื่อน้ำหนักเกิน จะได้มีโอกาสมาญาติกลับบ้านได้
3.อย่าลืมถือซองน้ำตาลจากสถานทูต อยู่กับตัวเราเสมอ ต้องเตรียมยื่นให้กับเจ้าหน้าที่อิมมินิเกชั่น

สิ่งของต้องห้ามถือขึ้นเครื่อง จำพวกของเหลวทุกชนิด ของมีคม ที่ตัดเล็บ กรรไกรตัดผม น้ำยาคอนเทคเลนท์ขวดใหญ่อุปกรณ์ชุดล้างหน้า แปรงฟัน สามารถเตรียมขึ้นเครื่องได้ แต่ต้องเป็นขนาดเดินทางที่มีน้ำหนักไม่เกิน 15 กรัม และใส่ถุงพลาสติกที่มีซิบรูดมิดชิด หรือจัดใส่กระเป๋าเครื่องสำอาง

ส่วนตัวดาเองจัดกระเป๋าเดินทางมาเกินน้ำหนักหนึ่งใบ และตั้งใจจะเสียค่า Overload แต่เห็นราคาค่าธรรมเนียม 200 เหรียญ เลยเปลี่ยนใจ ย้ายสิ่งของในกระเป๋าที่เป็นเอกสารที่เตรียมมาสำหรับยื่นออก มาใส่กระเป๋าถือขึ้นเครื่องแทน และย้ายสิ่งของที่มีน้ำหนักเบาทั้งหมดเข้ากระเป๋าเดินทาง และกลับไปที่เคาน์เตอร์เพื่อเตรียมขึ้นตราชั่งใหม่ ผ่านหรือไม่ ถ้าไม่ผ่านก็ต้องกระทำเปิดกระเป๋าและจัดใหม่อีกครั้ง ต้องกระทำจนกว่าเจ้าหน้าที่สายการบินให้ผ่าน ในส่วนตัวของดาโชคดีจัดใหม่ในเพียงครั้งเดียวแล้วผ่าน แต่ก็เสียเวลาอย่างมาก เจ้าหน้าสายการบินก็ใจดีให้บัตร Crew Immigration เป็นช่องด่วนให้เนื่องจาก ได้เวลาใกล้บอดดิ้งแล้ว และ Gate D2 ต้องเดินไกลมาก...

หลักการเดินทางและรับกระเป๋าเดินทางเที่ยวนี้ คือ 
1.ต้องเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน นาริตะ โดยสายการบินเดิม
2.ดาต้องรับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 2 ใบที่ Load ไว้ที่สนามบิน ORD
3. ต้องเดินทางต่อภายในประเทศ ไป สนามบิน PHL และเลือกเวลาต่อเครื่อง 1 hr 56 m
เดินทางถึงที่ Gate นั่งรอสักครู่ก็ได้เวลา Boarding UA 882 ขึ้นเครื่อง Boeing 777 จาก BKK-NRT ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 6 ชั่วโมงจะถึงสนามบินนาริตะ อาหารจะเสริฟบนเครื่อง เป็นอาหารเที่ยง (หรือ อาหารเย็น ขึ้นอยู่ไฟท์ไทม์ ที่เราเดินทาง) และอาหารว่างหนึ่งมื้อ
-สภาพเครื่องบินนี้จะทันสมัย ที่นั่งกว้าง นั่งสบาย มีทีวีหลังเบาะที่นั่งด้วย
-ส่วนเรื่องรสชาติอาหารบนเครื่องต้องบนว่าพอทานได้ ความอร่อยให้ 3 ดาว ขนมปังบนเครื่อง 2 ดาว รูปถาดอาหารเป็นแบบพลาสติกหมด เมื่อเปรียบเทียบรสชาติอาหารบนเครื่องของTG หรือ NORTHWEST ที่นี่UA จะสู้ไม่ได้เลย แต่ถ้าเราเป็นให้ความสำคัญเรื่องอาหาร ก็ต้องใช้คำว่าพอทานได้
-การบริการของพนักงานบนเครื่อง ต้องบอกว่าอินเตอร์จริงๆๆ แอร์โฮเตสและสจ๊อตจะเป็นอเมริกัน และมีแอร์โฮเตสเป็นญี่ปุ่น 2 คนต่อไฟท์ ที่มีการเดินทางเข้าญี่ปุ่น อย่ามองหาคนไทยเลยคือไม่เจอแน่นอนคะ..ต้องบอกว่าอย่าเปรียบเทียบกับการบริการแบบการบินไทย ขออะไรอย่างหนึ่ง คือนานคะกว่าจะมาให้ได้ตามที่ขอ ต้องรอจนกว่าแอร์ปฏิบัติหน้าที่ Cabin Crew ที่รับผิดชอบเสร็จก่อนเช่นแอร์กำลังเสริฟเครื่องดื่มเย็น แต่ท่านขอกาแฟ ท่านต้องรอคะถึงจะเอามาให้ตามที่ขอ และถ้าท่านนั่งหลับอยู่ก็เช่นเดียวกัน แอร์จะเดินผ่านไปโดยไม่เรียกท่านว่าต้องการอาหาร หรือเครื่องดื่มใดๆๆทั้ง สรุปท่านต้องช่วยเหลือและดูแลตัวเองอย่างมากคะ ถ้าต้องการอาหารทาน
-การบริการหนังบนเครื่อง ก็ถือว่ามีหนังที่ทันสมัยหลายเรื่องฉายให้ท่านเลือกชม
นั่ง ทาน นอน ดูหนัง ฟังเพลง ไปเรื่อยๆๆจนได้ยินกัปตันประกาศว่านำท่านมาสู่สนามบินนาริตะ และกำลังลดระดับการบินเข้าสู่ระยะความสูง 10000 ไมล์ หมายถึงท่านเข้าใกล้สนามบินนาริตะแล้ว โปรดเตรียมตัว นั่งที่นั่งของท่านและคาดเข็มขัดจนกว่าทางกัปตันจะนำเครื่องจอด

โอลัลลา...เครื่องเข้าจอดสนามบินนาริตะอย่างปลอดภัย ดาเตรียมตัวหยิบกระเป๋าและเสื้อโค๊ตออกจากเครื่อง เพื่อไปเปลี่ยนเครื่อง และเดินทางต่อไปสนามบิน ORD(ชิคาโก้) โดยสายการบินเดิม UA 882 NRT-ORD

ขั้นตอนการเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินนาริตะ
1.เมื่อออกจากเครื่องได้ท่านต้องมองหาสกอร์บอร์ด เพื่อที่ต้องหา Gate ของสายการบินที่ต้องการบินต่อ เช่น คราวนี้ดาต้องต่อเครื่องของ UA 882 NRT-ORD เมื่อหาเจอโปรดจำให้ดี หรือจดไว้ว่าเป็น Gate อะไร และเวลา Boarding ในที่นี้ดาได้ Gate 33 และตาราง Boarding time เวลา 5.10 pm และ Departure time 5.55 pm (ให้จำเวลาเข้าประเทศไหน ใช้เวลาของประเทศนั้นเป็นหลัก ) ดาเจอ Flight delay จากตารางเดิม 40 นาที
2. เดินตามทางที่บอกเส้นทาง International connecting flight เดินไปเรื่อยๆๆ
3.ท่านต้องผ่าน Security Check ของเจ้าที่ญี่ปุ่น หนึ่งครั้ง ขั้นตอนเหมือนกับที่เคยผ่านมา และต้องบอกว่าแถวคิวยาวมาก ต้องระวัง Flight time ที่เราต้อง Connect flight ว่ามีเวลามากน้อยเพียงไร การใช้ห้องน้ำ ตอนออกจากเครื่องใหม่ๆๆ ไม่แนะนำให้ใช้ก่อน รอให้ผ่านกระบวนการ Security Check ก่อนจะสะดวกกว่า และไม่ต้องกังวลมากนัก
4.หลังจากผ่านกระบวน Security Check แล้วท่านก็เดินทางเดินเพื่อหา Gate ที่เราต้องขึ้นเครื่อง ดังนั้นดาเดินหา Gate 33 (เดินไกลพอประมาณ) เมื่อถึง Gate ให้ติดต่อเจ้าที่สายการบินเพื่อออก Boarding Pass หลังจากนั้นนั่งรอเวลาขึ้นเครื่อง หรือถ้ามีเวลาเหลือ ท่านสามารถซื้อของที่ระลึกที่สนามบินได้ และ Duty Free ได้เช่นเดียวกัน ถ้าท่านต้องการอะไรเป็นพิเศษ ขอให้ท่านศึกษาราคาที่มีอยู่บนเครื่อง ราคาน้ำหอมบนเครื่องและที่สนามบินส่วนใหญ่จะเป็นราคาเดียวกัน จะแตกต่างที่รุ่นบางอย่างจะมีขายบนเครื่องบินเท่านั้น ท่านสามารถซื้อ เหล้าขนาด 1ลิตรและบุหรี่ได้ 1 คัดตอนเท่านั้นที่ไม่ต้อง Declare เวลาเข้าอเมริกา

คำแนะนำสำหรับท่านที่ต้องการซื้อของ Duty Free แนะนำให้ซื้อที่สนามบินนาริตะได้เท่านั้น เมื่อท่านถึงที่สนามบินในอเมริกาท่านจะหามุมที่อยากซื้อเวลาออกไม่เจอ (ไม่เหมือนบ้านเรา มีขายตลอดเส้นทาง)ท่านก็จะอดได้ในสิ่งของที่ท่านต้องการ และที่สำคัญคือท่านจะไม่มีเวลาเหลืออีก สำหรับท่านที่ต้องต่อเครื่องภายในประเทศอเมริกา และกรณีที่ท่านต้องการซื้อ Duty free ท่านสามารถซื้อได้ในช่วงเวลาที่ท่านเดินทางแบบ International Flight เท่านั้น (ถ้าท่านอยู่ในช่วงเวลา Domestics Flight ท่านจะทำการซื้อสินค้า Duty Free ไม่ได้ทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นสินค้าใดๆๆ)

นั่งรอ ถ่ายรูปรอ กินSushi รอ เดินดูสินค้าที่ระลึกรอ เข้าห้องน้ำรอ คือทำทุกอย่างที่สามารถทำได้รอเวลา Boarding ขึ้นเครื่องสักที จนกระทั่งได้ยินเจ้าหน้าที่ประกาศ สามารถขึ้นเครื่องได้สักที ได้ขึ้นเครื่องสักทีเรา(ใช้เวลารอที่สนามบินนี้ 3 ชม)

UA 882 NRT-ORD เป็นเครื่อง Boeing 747-400
-สภาพเครื่องบินมองตามสภาพด้วยสายตาตัวเองต้องบอกว่าสู้เครื่องลำแรกไม่ได้ ความกว้างของที่นั่งขนาดจะเล็กกว่ากันนิดหน่อย ไม่มีจอทีวีด้านหลังเบาะ ต้องดูจอทีวีด้านผนังเครื่องบิน ถ้าสามารถจองที่นั่งริมทางเดินจะสะดวกกว่า เนื่องจากเป็นไฟท์เดินทางยาว เข้าออกเพื่อเข้าห้องน้ำจะสะดวกกว่า ยื่นขาออกด้านข้างได้มากกว่า ส่วนตัวดาเองได้ที่นั่ง ตัว E เป็นแถวกลาง ก็โชคดีที่คนนั่งข้างทั้งซ้ายขวาเป็นผู้หญิงจีนตัวเล็กเลยทั้งคู่ เลยสบายตัวหน่อย สามารถนั่งหลับได้
-อาหารบนเครื่องเหมือนกับ Flight แรก ภาชนะใช้เหมือนกัน ทุกอย่างเป็นกล่องพลาสติกหมด รสชาติอาหารให้ 3 ดาวเช่นกัน เนื่องจากครัวทำออกจากประเทศญี่ปุ่น เลยเรื่องรสชาติอาหาร ไม่ต้องกังวลทานได้คะ ไฟท์ยาวอย่างนี้จะเสริฟอาหารบนเครื่อง เป็นอาหารเย็น- อาหารว่าง-อาหารพิเศษ( Noodle Cup) –อาหารเช้า-อาหารว่าง เยอะมากๆๆ กินอย่างละนิดละหน่อย ก็ถือว่าอิ่มได้คะ
-หนังบนเครื่องเหมือนกับว่าจะดูได้เกือบ 5 เรื่องเยอะมากคะ นั่ง นอน กิน หลับสลับเดินเข้าห้องน้ำ หลายอย่างคะที่จะทำ
สำหรับ Flight นี้ โปรดอย่าลืมรับเอกสาร I-94 และแบบฟอร์ม Declare จากแอร์โฮสเตท ท่านต้องกรอกสารชุดนี้ทั้งสองอย่างนะคะและเตรียมยื่นให้แก่เจ้าหน้าที่ Immigration ถ้าท่านทำหาย ท่านต้องเสียเวลากรอกใหม่อีกครั้ง ทำให้ท่านเสียเวลา ยิ่งกว่าเก่า
โปรดจำไว้ว่าท่านต้องผ่านด่าน Immigration ที่สนามบินแรกที่ท่านเหยียบเข้าประเทศอเมริกา และเอกสารที่เป็นซองสีน้ำตาลสำหรับท่านที่เดินทางมาด้วยวีซ่า K1 ท่านต้องเตรียมยื่นให้เจ้าหน้าที่ Immigration ด้วยนะคะ

นอนสลับกับตื่น นานและก็นานคะ กว่าจะได้ยินกัปตันประกาศว่าได้นำท่านเข้าสู่สนามบินชิคาโก้ ถึงซะทีประเทศอเมริกาและแล้วกัปตันก็นำเครื่องจอดที่สนามบินชิคาโก้ได้อย่างปลอดภัย และมองเวลาเครื่องจอดที่สนามบิน เวลา 2.40 pm และดาต้องทำการต่อ Domestic Flight มีเวลาแค่ 1 hr. 20mins ทำภารกิจนี้

เมื่อถึงสนามบินแรกที่อเมริกา(ของดาเป็นสนามบิน ORD ชิคาโก้)

1.ทำการเดินออกจากเครื่อง มองหาเส้นทางที่ Clam Baggage ท่านเดินตามเส้นทางนี้ไปเรื่อยๆๆ
2.ท่านต้องเจอด่าน Immigration Check ก่อน ด่านนี้เป็นด่านที่หินมาก สำหรับท่านไม่เคยเดินทาง ผู้ที่ วีซ่าK1 ต้องต่อแถว Tourist ซึ่งช่องนี้เป็นแถวที่ยาวมาก เหมือนกับงูที่คดตัวสลับไปสลับมา และไม่ใช่มีเฉพาะเครื่องเราที่ลงเวลานี้ จะมีหลายสายการบิน ลงจอดเวลาใกล้เคียงกัน จะเยอะมากจริงๆๆสำหรับสนามบินใหญ่ๆ ดาใช้เวลาเข้าคิวประมาณ 40 นาทีกว่าจะถึง เอกสารที่เตรียมยื่นแบบฟอร์ม I-94 และแบบฟอร์ม Declare และซองสีน้ำตาล (สามสิ่งนี้ต้องยื่นกับเจ้าหน้าที่ที่นั่งเคาน์เตอร์เท่านั้น ถ้าไม่มีสิ่งหนึ่งใดท่านต้องเสียเวลากรอกใหม่อีกครั้ง) ท่านเจ้าหน้าที่จะสัมภาษณ์เป็นคำถามทั่วไปที่เราจะเจอกันบ่อยๆๆ ตอบไปตามความจริงที่เราเคยตอบ เจ้าที่จะเปิดซองน้ำตาลตรวจเอกสาร และให้เราสแกนนิ้วมือ จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่อีกท่านพาเราไปรอที่ห้องกระจก เพื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติมคะ และจากนั้นเราก็จะได้รับพาสปอร์ตคืน พร้อมกับแสตมป์เข้าประเทศ และหน้าของวีซ่า K1 จะถูกกากบาททิ้ง ดาโชคดีอย่างหนึ่งไม่ถูกถามอะไรเพิ่มเติม สรุปขั้นตอนนี้ ดาใช้เวลา เกือบ 1 ชั่วโมงคะ ตกลงดาตก flight ที่ต้องต่อเครื่อง แล้วคะ
คำเตือนท่านที่ต้องเดินทางต่อภายในประเทศ ท่านต้องคิดเวลาเผื่อสำหรับการผ่านด่านนี้เป็นเวลา 3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย เผื่อที่ต้องเจอปัญหากับ Flight delay อีกประการหนึ่ง ทุกอย่างไม่แน่นอน บางท่านเดินทางจะโชคดีไม่เจอกับปัญหาอะไรเลย มีเวลาเหลือดีกว่า เวลาไม่พอ จะหงุดหงิดได้ ดาแนะนำว่าต้องระวังเรื่องด้วยดีที่สุด (เพราะเจอกับตัวเองแล้วคะ)
3.เดินหาสายพานลำเรียงกระเป๋าที่ออกจาก UA882 ดาใช้เวลาที่ด่าน Immigration นานมากจนสายพานที่ลำเลียงกระเป๋าเปลี่ยนเป็นสายการบินอื่นแล้ว ทำงัยละคะ เดินลากเลยคะ กว่าจะหากระเป๋าตัวเองเจอ สุดๆๆ เหนื่อย

ขั้นตอนต่อไปที่รู้ว่าตัวเองตก Domestic Flight

ติดต่อหาเคาน์เตอร์สายการบินที่ต้องต่อ Flight พอดีของดาใช้บริการ UA อีก เดินถามตลอดเส้นทางว่าไปทางไหน ติดต่อและถามเจ้าหน้าที่ของสายการบินโดยตรง เจ้าหน้าสายการบินจะใช้เครื่องสแกนที่ถือติดต่อ เครื่องสแกนแจ้งว่า Flight UA 7398 ORD-PHL cancel flight ตกลงว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ ดาต้องเข้าแถวเพื่อทำการ Re checking flight อีกครั้ง เพื่อหา Flight ใหม่ที่ให้บริการเดินทางไปจุดหมายปลายทาง สรุปได้ไฟท์ใหม่เป็นวันรุ่งขึ้น UA 7464 ORD-PHL( time 11.03 am-01.59 pm) และเจ้าหน้าที่ให้ Voucher มาหนึ่งแผ่น แนะนำรายชื่อของโรงแรมที่พักและให้โทรติดต่อไปเองตามเบอร์โทรที่แจ้ง(ตอนเวลานั้นไม่มีโอกาสได้อ่านรายละเอียดอะไร มาทราบภายหลังคะ ว่าเป็น Voucher แค่แนะนำที่พักเท่านั้นเอง) ดาต้องติดต่อหาที่พักโรงแรมเอง เดินทางไปโรงแรมเอง เช็คอินที่โรงแรมเอง จ่ายค่าที่พักเอง ยกกระเป๋าทั้งสี่ชิ้นขึ้นห้องเอง ต้องร้องอุทานว่าโอ๊ย!!ตายแน่ เลยเจออัศวินขี่ม้าขาวรูปหล่อมาช่วยลากกระเป๋าส่งหน้าลิฟท์ กว่าจะได้เดินทางถึงที่พัก อาบน้ำ แช่น้ำนม กินกาแฟหลับเป็นตาย สรุปได้นอนค้างคืนที่โรงแรม Comfort suite O’hare จ่ายค่าห้อง 58 เหรียญ include tax เป็นเงินที่ต้องจ่าย 69.15 เหรียญ รวมอาหารเช้าคะ ท่านสามารถจ่ายทั้ง เครดิตการ์ดหรือเงินสดก้ได้นะคะ อย่าลืมขอบิลใบเสร็จจากโรงแรมมาเป็นหลักฐานต่อไปนะคะ

อรุณสวัสยามเช้าของวันใหม่ ตื่นแต่เช้า แต่งตัว เก็บกระเป๋าและลากลงมาไว้ที่ล็อบบี้ กินอาหารเช้าตามสบายเรื่อยๆๆ รอเวลา รอรถ และออกเดินทางจากโรงแรมกลับมาสู่สนามบินชิคาโก้อีกครั้ง

Check in Domestic Flight United Airline 

คราวนี้ดาต้องทำการ Check in เพื่อออก Boarding Pass และ Load กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 2 ใบก่อน หลังจากนั้นต้องเดินหาช่องทางเพื่อผ่าน Security Check
1. กระบวนการ Security Check ที่อเมริกานี้เข้มข้นมากต้องถอดทุกชิ้น รวมทั้งรองเท้าที่สวมใส่ทั้งชายและหญิง และกระเป๋าให้ถือขึ้นเครื่องอนุญาติให้ถือได้เพียง 2 ชิ้น(รวมกระเป๋าถือ 1 ชิ้น)แต่ถ้าถือกระเป๋าNote Book เพิ่มอีก 1 ใบไม่ได้ ต้องทำการเก็บในกระเป๋าเดินทางก่อน
2. หลังจากนั้นเมื่อผ่านด่านนี้ แล้วดาก็เดิน หา Gate A1C terminal 2 ที่จะขึ้นเครื่องต่อไป
3. นั่งรอจนกว่าเจ้าหน้าที่สายการบินจะประกาศให้ขึ้นเครื่องได้ โดยเดินไปทางเส้นทางเล็กของตัวอาคาร เพื่อขึ้นเครื่อง และฝากกระเป๋าเดินทางที่ติดตัวมาไว้ที่รถที่จอดอยู่ข้างๆๆเครื่องบิน ส่วนกระถือให้ติดตัวขึ้นเครื่องไป สำหรับเดินทางภายในประเทศของสายการบิน UA เครื่องบินนี้ เป็นเครื่องบินแบบ Co Jet ความกว้างของเครื่อง 4 ที่นั่งต่อหนึ่งแถว และจะมีพนักงานบนเครื่อง 2 คน ทำการเสริฟบริการเครื่องดื่มฟรี แต่ถ้าต้องการเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต้องเสียค่าเครื่องดื่มเพิ่มแล้วแต่ประเภท ประมาณ 4-6 เหรียญ Flight time สำหรับการเดินทางจาก ORD-PHL ใช้เวลา 1.40 ชั่วโมง จากนั้นกัปตันก็จะทำการบินมาถึงสนามบิน PHL
4. เมื่อมาถึงที่สนามบินนี้แล้วอย่าลืมรอรับกระเป๋าใบเล็กคืนได้ที่งวงช้างของเครื่องบินก่อนออกจากเครื่อง แต่ถ้าท่านลืมรับ ท่านจะกลัมมารับอีกครั้งไม่ได้ ต้องติดต่อกลับเจ้าหน้าที่และมารับทีหลัง
...ส่วนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ฝากLoad มาใต้ท้องเครื่องต้องออกไปรับที่สายพาน เมื่อเดินออกจากเครื่องบิน ให้เดินในสนามบินตามเครื่องหมาย Clam Bagged ตามหมายเลขสายการบินที่เดินทาง ดังนั้นดาต้องหาสายพาน UA 7464 from Chicago ความห่างไกลนั้นขึ้นอยู่แต่ละสนามบินที่ใช้ ในส่วนตัวที่ PHL นี้ไกลมาก เดินจนขาลากเลย
เมื่อเดินทางมาถึงสายพานที่รับกระเป๋า ก็เจอสุดที่รักรับกระเป๋ารอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การเดินทางจากประเทศไทยเที่ยวนี้ ดาใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 40 ชั่วโมงตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากประเทศไทย ถือว่าเป็นการเดินทางที่ยาวนานมาก สุดแสนประทับใจไปอีนานแสนนาน กับสายการบิน UA.....

กว่าเดินทางจะมาถึงได้ หลายสเต็บ หลายขั้นตอน จริงๆๆ คุณผู้ชายจะรู้ไหมว่าเราเสียสละมากแค่ไหนกว่าจะเดินทางมาถึงได้ สำหรับเพื่อนที่กำลังคิดที่จะเดินทางมาอเมริกา เลือกสายการบินของ Northwest จะบริการบนเครื่องดีกว่า United Airline นิดหน่อย เรื่องอาหารรสชาติจะดีกว่ากันมากกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ ประเด็นอยู่ที่ว่า เวลาการต่อไฟท์ของสนามบินแต่ละที่ อย่างน้อยต้อง 2 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ แต่ถ้าอยากสบายๆๆและไม่ต้องกังวลอะไรมากๆๆ 3 ชั่วโมงดีที่สุดค่ะ..
เรื่องที่พักต้องจ่ายเองนั้นกำลังทำเรื่องเคมนะคะ ยังไม่ได้คำตอบ ถ้าใครเจอปัญหาเหมือนกันอย่าลืมขอใบเสร็จมาด้วยนะคะ ส่วนดาก็ขอมาเหมือนกันคะ
-ตอบคุณLayla ว่าใช่แล้ว ตอนที่ติด 221 g นั้นมีอะไรหลายอย่างที่เกิดขึ้น มาเปลี่ยนใจหลังจากที่ได้คุยกับแฟนอีกครั้ง และแฟนพร้อมที่จะแก้ไข จึ่งเดินทางมาแสวงหาความจริงด้วยตนเองคะ และตอนนีดาก็ไปยื่นเรืองขอ Marriage liesence เรียบร้อยเมื่อวันก่อน ขั้นตอนต่อไปก็ดำเนินในเร็ววันนี้คะ


Last edited by dadalove on Tue Aug 23, 2011 10:40 pm, edited 3 times in total. 

dadalove Sat Jan 22, 2011 6:56 pm