Friday, April 5, 2013

เดินทาง(คนเดียว) CR1-2013 นิ่ม


ประสบการณ์การเดินทางของ นิ่ม Thanaporn Boring สุวณณภูมิ(เดินทางคนเดียวโดยโคเรียนแอร์)-อินชอน-ซีแอตเทิล-แองกริข(เดินทางพร้อมสามีโดยอลาสก้แอร์ไลน์)-โนม-เทลเล่อร์(เบอร์ริ่งแอร์)

สวัสดีค่ะ นิ่มออกเดินทางวันที่ 5 เมษายน 2556 ด้วยสายการบินโคเรียนแอร์เครื่องออกเวลา 11.45 p.m. ออกจากบ้านหกโมงเย็น รถติดพอสมควรเพราะเป็นวันหยุดติดต่อกันสามวัน

ถึงสุวรรณภูมิประมาณทุ่มครึ่งได้ค่ะ มีพี่สาว น้องสาว และหลานชายมาส่ง เช็คอินที่เคาน์เตอร์ M (ได้ข้อมูลจากน้องแคท ขอบคุณมากค่ะ) รอเคาน์เตอร์เปิดประมาณสองทุ่ม ของนิ่มมีกระเป๋าโหลดใต้เครื่องสองใบสีเทากับสีดำ ส่วนขึ้นเครื่องมีเป้กับกระเป๋าสะพายใบแล็ก ปรากฎว่ากระเป๋าสีเทานำ้หนักเกิน(โคเรียนแอร์ให้ใบละ 23 กิโล 2 ใบ) เกินไปเกือบ4กิโล ตอนแรกนิ่มจะยอมเสียค่าปรับร้อยเหรียญ แต่เจ้าหน้าที่ดีมากไม่อยากให้เสียเงินก็บอกให้เอาออกเถอะกล่อมเราอีก สรุปต้องง่วนเอาของออก ก็ไม่รู้จะเอาะอะไรออกดีของกินทั้งนั้น แต่ก็ต้องตัดใจเอาออกเป็น พวกเครื่องปรุงอาหาร น้้ำพริกกระป๋องตัวหนักครึ่งโหลให้พี่สาวน้องสาวเอากลับบ้านไป พอเรียบร้อยแล้วได้ตั๋วพร้อมบัตรขาออก ก็ไปทานข้าวถ่ายรูป รำ่ลาพี่ๆน้องๆหลานเสร็จแล้ว

ประมาณสามทุ่มก็ขึ้นชั้นบนในส่วนของผู้โดยสารต่่างประเทศ เพื่อเช็คพลาสปอร์ต ตั๋วเดินทาง บัตรขาออกที่กรอกเรียบร้อยแล้ว ตรงนี้จะเร็วมากค่ะเพราะเป็นช่องสำหรับผู้ที่ถือพลาสปอร์ตไทย ผ่านเข้าไปจนถึงในส่วนเช็คกระเป๋าสำหรับขึ้นเครื่อง เช็คตัว เรียบร้อยก็รอเวลาขึ้นเครื่อง สายการบินนี้ดีมากค่ะตรงเวลา เผลอๆก่อนเวลด้วยทั้งตอนต้นทางและปลายทาง การบริการสมกับที่หลายคนบอกค่ะดีมาก ของกินมีให้ตลอด ประทับใจมาก

นิ่มถึงสนามบินอินชอนประมาณ เจ็ดโมงเช้า ก็ตรงดิ่งไปหาเคาน์เตอร์ของ Hana tour เพื่อออกไปทัวร์ข้างนอกสนามบินค่ะ (มีเพื่อนๆกังวลกับข่าวของสองเกาหลี ตอนแรกนิ่มก็กังวลค่ะ แต่คิดว่าถ้าโดนไม่ใช่เราคนเดียวคนเขาทั้งประเทศ และที่ได้สัมผัสมากลับมีความรู้สักว่าข่าวภายนอทำให้กังวลเกินไปจริงๆ ตอนที่อยู่เกาหลีลืมไปด้วยซ้ำว่าเขามีปัญหากัน เพราะทุกคนใช้ชีวิตตามปกติ กิน เที่ยวทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่ได้สนใจกับข่าวเลยค่ะ) ได้รับการแนะนำจากสมาชิกจากบ้าน Thai life in the USA นิ่มรอต่อเครื่อง 11 ชั่วโมง ถ้าอยู่แต่ในสนามบินกลัวจะปวดหัวมากขึ้นเพราะระหว่างทางที่บินจากสุวรรณภูมิถึงอินชอนปวดหัวไปตลอดทาง เดินหาทัวร์นี้เป็นชั่วโมงค่ะกว่าจะเจอแทบจะถอดใจแล้ว ถามไปตลอดเจ้าหน้าที่แต่ละคนก็บอกมิ่วตลอด แต่ตั้งใจแล้วว่าต้องเที่ยวเกาหลีให้ได้ซักนิดก็ยังดีไหนๆมาถึงที่แล้ว ในที่สุดก็หาเจอ เย้เย้ ทัวร์นี้อยู่ตรง Gate B Desk N.41 Arrival Hall 1F เว็บไซต์www.hanatourintl.com เผื่อสาวๆท่านไหนไปต่อเครื่องที่อินชอนแล้วรอนานแบบนิ่ม จะได้เป็นข้อมูลค่ะ นิ่มเลือกโปรแกรม Best of Seoul เสียค่าธรรมเนียม
$50 รวมอาหารกลางวัน บัตรเข้าชมพาเลสแล้ว ไปทั้งหมดสี่แห่งค่ะ
ใช้เวลาตั้งแต่ 9.30-15.00 ซึ่งนิ่มต้องมาต่อเครื่องไปซีแอตเทิล
ประมาณ ห้าโมงสิบห้า มีเหลือเวลาได้พักอีกค่ะ ซึ่งที่เกาหลีช่วงที่นิ่มไปอากาศหนาวมาก ยิ่งฝนตกยิ่งเพิ่มความหนาว
แต่รู้สึกสดชื่นมากค่ะ ที่ปวดๆหัวหายเลย

ใช้เวลาเดินทางจากอินชอนถึงซีแอตเทิลประมาณเก้าชั่วโมง ถึงสนามบินซีแอตเทิลประมาณเกือบบ่ายโมงของวันที่ 6 เมษายน
พอถึงก็ตรงเข้าช่อง visitor (ขอบคุณพี่แจ๋วมากค่ะที่บอกนิ่มไว้) ใช้เวลากับ
ตม.ตรงนี้ประมาณ 10 นาทีค่ะ เจ้าหน้าที่ทักทายและถามแค่ว่าแต่งงานนานแค่ไหน จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่
นำซองสีน้ำตาล พานิ่มไปรอเข้าคิวตรง ออฟฟิศของตม. ตรงนี้นิ่มรอนานมากเกือบ 2 ชั่วโมง นิ่มไ้ด้คิวประมาณคนที่สี่ เคาน์เตอร์ของเจ้าหน้าที่มีสองที่ แต่กลับมีเจ้าหน้าที่คนเดียว
คนแรกถึงคนที่สามผ่านไปไม่มีปัญหา พอถึงนิ่มเอาอีกแล้ว มีอุปสรรค ให้ลุ้นตลอด นิ่มจะต้องต่อเครื่องไปแองกริช ตอน ห้าโมงสี่สิบห้า และต้องไปเอากระเป๋าที่โหลดใต้เครื่องทั้งสองใบอีก รอนานจนเจ้าหน้าที่
สายการบินอลาสก้าแอร์ไลน์มาตามหา และบอกว่าถ้าพิมพ์ลายนิ้มมือเสร็จแล้วให้ไปขึ้นเครื่องตรงไหน (บอกไปเถอะคงรู้หรอก ก็ฟังๆพยักหน้าไปงั้นๆ) สาเหตุที่นิ่มรอคิวนานเพราะ มีคิวแทรกเป็นคนตาคุณยาย คุณลุงคุณป้าที่นั่งวิลแชร์ค่ะ ตอนแรกก็แค่ 4-5 คัน หันไปรอบสอบ เพิ่มมาอีกเป็น 10 คันได้
เอาแล้วเริ่มนั่งไม่ติด ลุ้นซิค่ะ คิดในใจไม่แน่เจ้าหน้าที่อาจเรียกเราแทรก
แต่เปล่าเลยค่ะรอต่อไป หันไปอีกทีอยากจะร้องให้ ☹ ฮ่าๆๆ หันไปอีกรอบโอ้โห วิลแชร์เกือบ 20 คันเป็นแถวยาว ดีวาบางครอบครัวรวบสองคัน คนที่นั่งรอด้วยกันบอกให้บอกเจ้าหน้าที่ไปว่าต้องต่อเครื่องอีก
ก็บอกเขาไม่เป็นไร ขอลุ้นเวลาดูก่อน มีครอบครัวที่มารอคิวใหม่ข้างๆมีเด็ก
อยู่ด้วยร้องงอแง ยังคิดอยู่สงสัยเจ้าหน้าที่คงให้เด็กก่อนด้วยแน่เลย
สรุปเจ้าหน้าที่เรียกวิลแชร์จนหมด แล้วถึงคิวนิ่มค่ะ ไม่ได้เรียกคิวเด็กแทรก่อน สอบถามไปอยู่ที่ไหนกับใคร พอรู้ว่าไปอลาสก้าร้องโอ้เลยหนาวมาก พิมพ์นิ้วชี้สองข้างเซ็นชื่อ
ก็อธิบายว่าหมดกรีนการ์ดสองปี แล้วต้องทำกรีนการ์ดสิบปีเมื่อไรยังไง
โดยแปะแผ่นกระดาษที่อธิบายแผ่นเล็กๆในเล่มพลาสปอร์ตค่ะ แล้วบอกขอให้มีความสุขกับอากาศหนาว นิ่มเสร็จจากตรงนี้ประมาณสามโมงเย็น เฮ้อยังทัน เล่นเอาคนเงียบเหงาหมดแล้ว ดีว่าเจ้าหน้าที่ยกกระเป๋าใส่รถเข็นไว้ให้ก็เรียบร้แย รีบเข็นรถ้ไปให้เจ้าหน้าที่ตมขาออกตรวจ แต่เจ้าหน้าที่ไล่ให้รีบไปบอกไม่ตรวจ และขอให้มีความสุขในอเมริกา
ยังนึกอยู่ว่าทำไม่เจ้าหน้าที่ใจดี จังแต่หารู้ไม่อิอิ จัดเต็มตรวจเราไปเรียบร้อยแล้วใส่ใบไว้ให้ด้วยในกระเป๋าสีเทา(กรณีว่าน้ำยาแช่เลนส์หายไปบางส่วนค่ะคงถูกโยนทิ้ง) คราวต้องถามเอาแล้วค่ะเพราะเขาไปกันเกือบหมดแล้ว ดีมีเจ้าหน้าที่คนนึงบอกได้ระเอียดมากว่าต้องนั่งรถไฟไป คงคอยให้บริการข้อมูลตรงรถไฟ เพราะมีการสอบถามขอคะแนนด้วยค่ะ
ว่าหารถไฟยากไหม นิ่มให้ไปคะแนนกลางๆ

จากซีแอตเทิลถึงแองกริชใช้เวลาประมาณห้าชั่วโมงค่ะ ถึงเวลาประมาณเกือบ 2 ทุุ่ม สามีมานั่งรอรับหน่าแป้นอยู่ค่ะ พาไปเอากระเป๋าแล้วออกไปพักโรงแรมใกล้สนามบินสองคืน เพื่อซื้ออาหารของใช้แล้วค่อยเดินทางต่อ พอออกมาข้างนอกหิมะ มากมาย หนาวเหมือนอยู่ห้องเย็น ที่สำคัญยังสว่างจ้าเหมือนเวลาสามหรือสี่โมงเย็นบ้านเรา

วันที่ 8 เมษายน เดินทางจากแองกริชไปโนม เวลาประมาณสิบโมงกว่าเครื่องบินออกค่ะ ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงถึงแล้วก็ไปขนกระเป๋าแล้วไป ซื้อตั๋วเครื่องบินเล็กเดินทางต่อไปเทลเลอร์ ก่อนเครื่องบินออก
ก็ไปหาซื้ออาหารมาตุนไว้เพิ่มค่ะ เครื่องบินเล็กเป็นแบบ 9 ที่นั่ง ตื่นเต้นมากมองลงมามีแต่หิมะปกคลุมไปหมด แยกไม่ออกว่าพื้นดินหรือพื้น้ำ ถึงเทลเลอร์ประมาณ สี่โมงครึ่ง
ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง และได้รับการต้อนรับจากครอบครัวครู เด็กนักเรียน ดีมากๆ อบอุ่นท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ
ปล เจอตรวจกระเป๋าสีเทาใบเดิม พร้อมใบยัดใส่ไว้อีกรอบแล้ว ค่ะที่สนามบินแองกริช

นี่ล่ะคะประสบการณ์การเดินทางของนิ่มสู่ดินแดนแห่งความหนาวเย็น อลาสก้า!!
ขอบคุณทุกๆคนมากนะคะสำหรับกำลังใจที่มีให้กันตลอดมา

ต้องขออภัยแอดมินนะคะนิ่ม create doc ไม่ได้น่ะค่ะ

No comments: